"ธีมสี" ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของงานแต่ง เพราะมันเป็นตัวกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดี เช่น ชุดของบ่าวสาวหรือชุดของเพื่อนเจ้าสาว, แบ็คดรอป, ดอกไม้, ของชำร่วย ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่บ่าวสาวมักจะเลือกจากสีที่ตัวเองชอบ แต่รู้หรือไม่ว่าสีต่าง ๆ เหล่านั้นไม่เพียงแค่ให้ความสวยงามแต่ยังแฝงไปด้วยความหมายอีกด้วย และวันนี้เราได้นำข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซต์ lover.ly มาบอกกันว่าแต่ละสีนั้นมีความหมายใดกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. สีขาว : เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่ามันจึงเป็นสียอดฮิตในงานแต่งงาน โดยเฉพาะในชุดของเจ้าสาว นอกจากนี้สีขาวยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสว่างไสวและแรงศรัทธา สีขาวจึงเป็นสีทรงพลังสำหรับคู่รักและงานมงคลอื่น ๆ

2. สีแดง : ตามความเชื่อของคนจีน สีแดงเปรียบได้กับสีขาวตามความเชื่อของคนไทย คือ เป็นสีทรงพลัง นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นสีนำโชคและนำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จ แถมยังเป็นสีที่เชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตคู่ของคุณเต็มไปด้วยสีสันอีกด้วย

3. สีชมพู : สีชมพูเป็นสีที่เกิดขึ้นจากการผสมระหว่างสีแดงและสีขาวลงไป มันจึงมีความหมายเฉกเช่นเดียวกับทั้งสองสีข้างต้น แต่สีชมพูก็มีความหมายในตัวเองด้วยเช่นกัน คือ เป็นสีแห่งความเห็นอกเห็นใจ ความหวัง ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข อีกทั้งยังเป็นสีแห่งความโรแมนติกด้วย

4.สีน้ำเงิน : สีน้ำเงินเป็นสีที่มีความหมายซ่อนอยู่มากมาย โดยชาวคริสต์เชื่อว่ามันเป็นสีแทนความบริสุทธิ์ คุณธรรม และคุณงามความดี นอกจากนี้ชาวจีนยังถือว่าสีน้ำเงินเป็นสีแห่งความรักอมตะ ส่วนชาวอียิปต์เชื่อว่ามันเป็นสีที่ศักดิ์สิทธิ์ และตามความเชื่อของฝรั่งเศสบอกว่า สีน้ำเงินหมายถึงสีที่มีอำนาจและทรงพลังด้วย

5. สีม่วง : คู่รักไม่น้อยที่เชื่อว่าสีม่วงเป็นสีแห่งความเศร้าโศก ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวอียิปต์ที่บอกว่า สีม่วงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อมั่น ทรงพลัง และอำนาจ แต่อีกด้านหนึ่งก็หมายถึงความขุ่นมัวเช่นกัน

6. สีเหลือง : ตามความเชื่อของชาวฮินดูนั้นกล่าวกันว่า สีเหลืองเป็นสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ชนพื้นเมืองของอเมริกันเชื่อว่ามันเป็นสีที่แสดงถึงความรักไม่มีเงื่อนไข ความเจิดจรัส ความสุข ความสมบูรณ์แบบ และเหมาะมากที่จะเป็นสีธีมงานแต่งในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ เพราะแสดงถึงการเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยความสดใสนั่นเอง

เรียกว่าแต่ละสีก็มีความหมายดี ๆ ซ่อนอยู่ ใครที่ชอบสีไหนก็สามารถนำสีนั้นมาใช้เป็นธีมสีงานแต่งงานของตัวเองได้เลย หรือจะมิกซ์แอนด์แมตช์สีต่าง ๆ เข้าด้วยกันก็ถือเป็นไอเดียที่ดีค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คงจะไม่ใช่ความเชื่อเรื่องสี หากแต่เป็นการดูแลเอาใจใส่กันและกันต่างหากที่จะทำให้ความรักของคุณมั่นคงนิจนิรันดร์

-----------------------------------------------------------

ความหมายของสีชุดแต่งงานที่ควรรู้

       คำว่า wedding ในภาษาอังกฤษ มีรากศัพท์ หมายถึง การพนันหรือวางเดิมพัน ซึ่งเชื่อว่ามีต้นเค้ามาจากการวางเงินสินสอดให้ฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งก็อาจเป็นที่มาของขนบธรรมเนียมและการถือโชคลางในงานแต่งงานด้วย เพราะการพนันต้องอาศัยโชคช่วยหรือจะคิดในอีกแง่มุมหนึ่งว่าการถือเรื่องต่าง ๆ นี้ เป็นความหวังดีที่จะให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมีความสุขและมีอนาคตที่สวยงาม

ประเพณีโบราณของตะวันตกนั้นจะว่าไปแล้วก็คล้ายกับขนบธรรมเนียมของไทยอยู่ไม่น้อย มีทั้งเรื่องการเลือกสีชุดแต่งงาน เทียนมงคล ของชำร่วย การกำหนด วันแต่งงานและการถือเคล็ดโชคลางอื่น ๆ อีกมากมาย

สี ของ ชุดเแต่งงาน:ความนิยมในชุดแต่งงานสีขาวนั้นมีที่มาหลายตำนานสุดแต่ใครจะเชื่อเรื่องไหน?บ้างก็บอกว่าสีขาวเป็นสีแห่งความสุขมาตั้งแต่สมัยกรีก แต่บางตำนานบอกว่าเจ้าหญิงและพระราชินี ทรงเป็นผู้นำแฟชั่นชุดเจ้าสาวสีขาว พริ้นเซสและควีนองค์ดังของยุโรป?อย่างเช่น เจ้าหญิงแอนน์ แห่งบริตตานี, สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย และพระชายาของ นโปเลียนที่ 3 ล้วนแต่ทรงชุดขาวล้วนในพระราชพิธีอภิเษกสมรส แล้วหญิงสาวทั่วไปก็เลยยึดถือเป็นแบบอย่าง?โดยก่อนหน้านั้นเจ้าสาวจะเลือกสวมชุดสีอะไรก็ได้ แต่มีข้อห้ามที่เชื่อกันอยู่ว่า

ของชำร่วย :นอกจากจะใช้แทนคำขอบคุณแล้ว ชาวตะวันตกยังถือว่าเป็นการแบ่งปันโชคลาภและความสุข ให้แก่แขกเหรื่อโดยมีความเชื่อเพิ่มเติมอีกว่าการแจกอัลมอนด์ห้าเมล็ดหมายถึงอวยพรให้สุขภาพดี ฐานะร่ำรวย อายุยืนยาว ลูกหลานมากมายและมีความสุข

กลีบกุหลาบและเมล็ดข้าว :การโปรยกลีบกุหลาบบนทางเดิน ก่อนที่เจ้าสาวจะก้าวไปยังแท่นพิธีจะช่วยขจัดวิญญาณร้ายจากใต้พิภพและช่วย ให้มีลูกหลายสืบวงศ์สกุล นอกจากนี้อาจจะโปรยเมล็ดข้าว ใบไม้ใบหญ้า รวมถึงดอกไม้แห้งที่เจ้าสาว เคยมอบให้แก่กันซึ่งก็ล้วนแต่สื่อถึงคำอวยพรให้มีลูกหลานละมีความสุข

การกำหนดวันแต่ง :เดือนมิถุนายนเป็นเดือนแห่งการแต่งงานเพราะ June มาจากพระนาม Juno เทพีแห่งการแต่งงานและองค์ ผู้พิทักษ์สตรีตามความเชื่อของโรมันโบราณ เดือนพฤษภาคมไม่นิยมจัดงานแต่ง เพราะเป็นช่วงเวลาที่พวก นอกศาสนา จัดงานฉลองไร้ศีลธรรม จึงไม่เหมาะจะเริ่มต้นชีวิตคู่?และในยุคโรมันก็มีพิธีFirst of the dateกับเทศกาลเทพีแห่ง พรหมจารีย์ในเดือนพฤษภาคมด้วย ทำให้เดือนเมษายนกลายเป็นเดือนที่มีการจัดพิธีแต่งงานในโบสถ์มากที่สุดเนื่องจาก ผู้คนหลีกเลี่ยงการแต่งงานในเดือนพฤษภาคมความเชื่อเกี่ยวกับการเลือกวันแต่งงานในสมัยโบราณมีอยู่ว่า วันจันทร์จะ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง วันอังคารมีฐานะ วันพุธดีทุกอย่าง ส่วนวันที่ไม่ควรแต่งคือ พฤหัสบดี วันศุกร์ และวันเสาร์

ข้อห้ามก่อนวันแต่งงาน :เจ้าสาวไม่ควรตัดเย็บ ชุดแต่งงาน ด้วยตัวเองและช่างจะต้องสอยฝีเข็มสุดท้ายตอนที่เจ้าสาวกำลังจะออกเดินทางไปโบสถ์ นอกจากนั้นเธอยังไม่ควรลองชุดเต็มยศ ครบเครื่องก่อนวันจริงและ ห้ามฝึกเซ็นนามสกุลใหม่ล่วงหน้าด้วย ก่อนออกจากบ้านไปโบสถ์เจ้าสาวควรจะส่องกระจกอีกครั้งเพื่อจะได้โชคดี แต่ถ้าออกจากบ้านแล้วไม่ควรย้อนกลับมาดูกระจกเป็นครั้งที่สอง เพราะจะทำให้โชคร้าย

ในช่วงฤดูใบไม้บานสะพรั่ง สีที่สะท้องถึงความเป็นธรรมชาติอย่างสีฟ้า และสีเขียว จะทำให้ผู้คนรู้สึกสบายๆ ซึ่งท่านอาจเลือกใช้สีเหล่านี้ เป็นบางส่วน หรืออาจจะสวมเข้าเซทกันทั้งหมดก็ย่อมทำได้

ส่วนเครื่องประดับ และกระเป๋า รองเท้า ก็หนีไม่พ้น สีฟ้า เทอร์ควอซท์ สีน้ำเงิน ลาปิซ ลาซูรี่ สีฟ้า บลู โทพาซ ช่างเหมาะกับอากาศสดใสในหน้าร้อนนี้

ลายผ้าและรูปแบบ อย่างเช่น เสื้อลายขวาง หรือลายหมากรุก ย่อมทำให้ท่านดูเป็นแฟชั่นอยู่เสมอ เนื่องจากลายเหล่านี้ เป็นลายที่เรียบง่าย และมีคามคลาสิคอยู่ตลอดเวลา

เครื่องประดับที่เหมาะใส่กับงานลายผ้าที่เยอะอยู่แล้ว ก็ควรจะเป็นสีเงิน หรือทอง เรียบๆๆ เน้นโชว์ผิวสวยๆๆ ให้เข้ากับเสื้อผ้าที่ลาย ?ต่างหู กำไล สร้อยแขน และเพิ่มความโดดเด่ยให้ผู้สวมใส่มากยิ่งขึ้น?

กระโปรงสั้น สวมใส่สบาย และสามารถใส่ได้หลายโอกาส ทั้งนี้ กระโปรงสั้นที่ออกแบบมาอาจจะนำไปใช้ได้ทั้งในงาน และทั่วๆ ไป ส่วนทางด้านผู้ชาย นั้น จะเน้นไปทางผ้าที่สวมใส่แบบสบาย เช่นกางเกงจอกกิ้ง กาเกงที่มีการพับขา และกางเกงขาสั้น เพื่อเข้าสู่ฤดูกาลถัดไป

เครื่องประดับก็ควรเป็นแบบ เรียบๆๆ ชิ้นไม่ใหญ่มากนัก เพื่อให้เหมาะกับลุ๊คสบายๆๆ ใส่ได้ทุกวัน โดยเน้นลูกเล่นที่ผิวของตัวเรือนที่มีความเคลื่อนไหว พริ้ว ดูมีดีไซน์ที่แตกต่าง

สีที่นิยมในเดือนนี้

For Women

For Men