มรกตเป็นอัญมณีในตระกูลเบริล ซึ่งเป็นอัญมณีตระกูลเดียวกันกับอะความารีน (Aquamarine) จึงมีความแข็ง 7.5 โมส์ (Moh) ตามสเกวความแข็งของโมห์มรกตพบในรัสเซีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา โคลัมเบียเป็นเมืองหลวงที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับผลผลิต มีความวาวแบบแก้ว มรกตเป็นอัญมณีที่มนุษย์ รู้จักมาตั้งแต่สมัยอียิปต์ มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าพระนางคลีโอพัตราเคยเป็นเจ้าของเหมืองมรกตใกล้ทะเลแดง ในอียิปต์และจากการขุดค้นทางโบราณคดี พบว่ามีการแกะสลักมรกตเป็นรูป ตัวด้วงและแมลงมีปีกต่าง ๆด้วย บนมงกุฎของพระเจ้าซาร์ (Czar) กษัตริย์แห่งรัสเซียก็ประดับด้วยมรกตด้วย คำว่า "Emerald" มาจากภาษากรีกว่า Smaragdos แปลว่า หินสีเขียว สีเขียว คือสี ที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต


        ความเชื่อเกี่ยวกับมรกต สีแห่งความอุดมสมบูรณ์จึงเชื่อกันว่ามรกตนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวยชาวเปรูในสมัยก่อนนับถือมรกตเป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์เชื่อกันว่ามี อำนาจปกป้องคุ้มครองผู้ สวมใส่ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ด้วยความศรัทธาของชาวเปรูพวกเขาได้สร้างศาลเจ้าที่เก็บมรกตจำนวนมากเพื่อ สักการะบูชาอัญมณีชนิดนี้ สีของมรกตเป็นสีที่เย็นตา จึงมีผลดีต่อสายตา นอก จากนี้มรกตยังมีพลังช่วยบำบัดอาการอักเสบต่าง ๆ ช่วยรักษาโรคติดเชื้อเรื้อรังสำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักหรือผู้ ที่เพิ่งฟื้นจากการเจ็บป่วยหากสวมใส่มรกต อัญมณีชนิดนี้จะช่วยคืนพลังได้ มรกต ยังเป็นอัญมณีที่เทพธิดาวีนัส เทพธิดาแห่งความรักโปรดปรานมากเชื่อกันว่ามรกตมีพลังอำนาจทำให้คู่รักมีความ ซื่อสัตย์ต่อกันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักที่จริงใจ เหมาะที่จะให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน มรกต เป็นที่น่ายินดี ที่ส่วนใหญ่สีของมรกตเป็นสีเขียว สีมรกต ที่มีสีเขียวสว่าง จะมีราคาแพงแต่สีไม่ได้เป็นตัวกำหนดราคาแต่อย่างเดียว ส่วนใหญ่ราคาของมรกตจะขึ้นอยู่กับมลทินด้วย มันมักมีรูปร่างที่เรียกว่า “watery forest" อัญมณีทั้งหมดมีมลทิน สามารถพบมลทินในมรกตได้ทั่วไป อย่างไรก็ตามควรทราบการแตกภายในด้วยการดูแลรักษามรกต จะใช้น้ำมันในกระบวนการช่วยให้ดีขึ้นของสีหรือรอยแตก โดยใช้เทคนิคในการซ่อนตำหนิภายใน ซึ่งเป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่งในการคัดเกรด

-----------------------------------------------------------------
           หยก

  " หยก" หมายถึง แร่สองชนิด คือ เจไดต์และเนไฟรต์ แร่ทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันและมีรูปลักษณ์เหมือนกันมาก ซึ่งจะมีสีแตกต่างกันออกไป นับตั้งแต่สีขาวนวลไปจนถึงสีม่วงหรือแม้กระทั่งสีดำและสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด  

     " หยก" ซึ่งเป็นชื่อเรียกรวมของแร่ทั้งสองชนิดนี้ มีต้นกำเนิดมาจากคำภาษาสเปน " piedra de la ijada" แปลตามตัวว่า "หินสีข้าง" (เชื่อว่าเป็นชื่อที่ตั้งให้กับหินชนิดนี้ ในฐานะที่ชาวอินเดียนนำหินดังกล่าวมาใช้ในการรักษาที่เกี่ยวกับไต) นักผจญภัยชาวสเปนผู้ค้นพบในอเมริกาเชื่อว่าหยกสามารถรักษาโรคไตได้ นอกจากนี้คำว่า " Nephrite" ยังมาจากคำว่า " Nephros" ซึ่งเป็นภาษากรีกแปลว่า "ไต"  

      ชาวอินเดียนแดงสวมใส่แร่ชนิดนี้เป็นเครื่องรางป้องกันไม่ให้ถูกงูพิษกัดและเพื่อรักษาโรคลมบ้าหมู และชาวพรีโคลัมเบียน (ชาวอเมริกันอินเดียนก่อนสมัยที่โคลัมบัสค้นพบอเมริกา) ใช้หยกอย่างแพร่หลาย เช่นเดียวกับมหาราชาของอินเดียหลายพระองค์ที่คลั่งไคล้หยกอย่างมาก เพราะสมบัติล้ำค่ามากมายของมหาราชาเหล่านี้แกะสลักมาจากหินอันทรงคุณค่าชนิดนี้นั่นเอง  

      แต่ทว่าไม่มีชาติใดที่จะมีความเกี่ยวข้องกับหยกมากไปกว่าชนชาติจีนอีกแล้ว ชาวจีนนำหยกมาใช้เมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว หยกฝังแน่นกับวัฒนธรรม หลักปรัชญา และมโนทัศน์ของชาวจีน หยกคือสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกับชนชาติจีน แม้กระทั่งปัจจุบันก็มีชาวตะวันตกไม่มากนักที่ลุ่มหลงหยก หยกที่ดีที่สุดนั้นมาจากประเทศพม่า คนจีนนั้นมีความเชื่อว่าหยกมีพลังอำนาจพิเศษที่ช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่ เช่น คนที่ใส่ตกบันไดหรือถูกรถชน  

      แต่สิ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างเดียวคือ สร้อยข้อมือหยก หยกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หรือไม่ก็หักเป็นสองซีก เพราะว่ามันจะดูดซับผลกระทบจากอุบัติเหตุนั้นไว้และยอมให้ตัวมันเองแตกหัก ก็เลยช่วยชีวิตของคนสวมหรือช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้ ใครก็ตามที่เพิ่งประสบเหตุการณ์ทำนองนี้จะรีบออกไปซื้อจี้หยกมาแทนของเก่าทันที ไม่มีใครสนใจจะสวมใส่หยกที่ได้รับการซ่อมใหม่แม้ว่าจะซ่อมออกมาดีก็ตาม เพราะพลังอำนาจในการคุ้มครองหมดไปแล้วจึงต้องใช้อันใหม่แทนที่  

     ส่วนเคล็ดลับในการเลือกซื้อหยกนั้นมีอยู่ 6 ข้อด้วยกัน แต่สีเขียวจะเป็นหยกที่มีราคาแพงสุด แต่เคล็ดนี้ก็ใช้ได้กับหยกทุกสี สิ่งสำคัญสุดในการเลือกคือ สี สี   " เขียวมรกต"   เป็นสีที่คนเสาะหามากที่สุด เพราะเป็นของมรกต จึงควรเป็นสีที่บริสุทธิ์ เข้ม สม่ำเสมอกันทั้งเม็ด สีซีดยิ่งราคาถูก จากนั้นก็เป็นสีดอกลาเวนเดอร์หรือสีม่วง ยิ่งมีสีเข้มมากเท่าไหร่ยิ่งดี เวลาส่องกับแสงแดดควรจะมีสีกึ่งใส มีความสุกใสเปล่งประกายอยู่เสมอ  

     หยกที่เจียระไนเป็นทรงกลมมนหรือลูกปัดเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะทั้งสองชนิดสามารถตรวจดูทีละเม็ดได้ ถ้าเป็นไปได้ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดูว่าเป็นหยกแท้ ไม่มีการย้อมสี จะดีที่สุด

      หลักในการซื้อหยกง่ายๆ คือ ผู้ที่ซื้อหยกทุกคนควรรู้สึกดีขึ้นและรู้สึกว่าโชคดีขึ้นเมื่อสวมใส่หยก และยิ่งรู้สึกปลอดภัยขึ้นก็จะดีมาก เพราะคุณค่าของหยกไม่ได้อยู่แค่ความสวยงาม แต่มันอยู่ที่คุณค่าทางจิตใจต่อผู้สวมใส่ด้วย

-----------------------------------------------------------------

          ทับทิม

        มณี แดง พลอยแดง ปัทมราช รัตนราช ล้วนหมายถึง ทับทิม หรือราชาแห่งอัญมณีทั้งสิ้น ทับทิมหรือ Ruby ซึ่งแปลว่า สีแดงเป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไพลิน (Blue Sapphire) ด้วยความแข็งถึง 9 โมส์ (Moh) ซึ่งเป็นรองเพียงแค่เพชรสีแดงที่สดใสสะดุดตา ประกายอันเจิดจ้า ประกอบกับความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจลึกลับจึงทำให้ทับทิม เป็นที่ปรารถนา มาทุกยุคทุกสมัย วรรณกรรมอินเดียได้บันทึกลักษณะของทับทิมไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อนอันเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เรารู้จักทับทิมมาเป็นเวลานาน ราชวงศ์อังกฤษก็ใช้ทับทิมประดับเป็นแหวนทองราชาภิเษกโดยสลักเป็นรูปไม้กางเขนเซนท์จอร์จและรอบ ๆ ตัวทับทิมถูกประดับรายล้อมไว้ด้วยเพชรถึง 26 เม็ดทับทิม คือ อัญมณีที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ในคัมภีร์ไบเบิ้ลยกย่องอัญมณีสีแดงชนิดนี้ว่าเป็นดั่งความมีสติปัญญาอันล้ำ เลิศ เชื่อกันว่าผู้ใดมีทับทิมที่มีสีแดงสดใส ไม่มีตำหนิ จะทำให้ ผู้นั้นมีอำนาจ ร่ำรวยสุขภาพสมบูรณ์ มีสติปัญญาดี และประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนทางด้านความรัก ถือกันว่าทับทิม คือ อัญมณีที่ทำให้สุขสมหวังในความรักสีแดงของทับทิมเป็นสีแห่ง ความรักและอารมณ์ทับทิมจึงมีพลังช่วยกระตุ้นให้กล้าแสดงออกและกล้าแสดงความ รู้สึกรักมากขึ้นทำให้สมหวังในเรื่องรัก และยังช่วยผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ด้วยทับทิมยังถูก นำมาเป็นของขวัญในวาระครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และปีที่ 40 สำหรับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด เช่น โลหิตจางหรือผู้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ         
       แหล่งที่พบทับทิม
 ในปัจจุบันก็คือ พม่า ไทย เขมร เวียดนาม อินเดีย ศรีลังกาอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และเนปาลในปัจจุบันดินแดนเหล่านี้จึงกลายเป็นแหล่งทับทิมที่สำคัญทุกวันนี้ ทับทิมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก คือ ทับทิมโมกก (Mokok) ของพม่าเพราะมีสีแดงสดใส แต่จากการที่เหมืองในพม่าถูกรัฐบาลทหารควบคุมจึงเป็นโอกาสให้ทับทิมของไทย เริ่มเข้าสู่ตลาดโลกทับทิม ที่ขุดพบในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสีแดงอมม่วง แดงอมน้ำตาล และแดงดำหรือเรียกกันว่า ทับทิมสยาม เมื่อผ่านกรรมวิธีการเผา ทับทิมเหล่านี้จะมีสีแดงสดใสไร้มลทินเป็นที่ต้องการ ของตลาดประเทศไทยจึงกลายเป็นแหล่งผลิตทับทิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพราะผลิตได้ มากถึง 80 % นอกจากนี้ ทับทิมยังพบได้ที่อเมริกา ออสเตรเลีย แอฟริกา เคนยา สีแดงที่สดใสของทับทิมนั้นเกิดจาการที่มีโครเมียมปะปนอยู่ในผลึกแต่ในช่วง เวลาหลายล้านปีก่อนที่ทับทิมเริ่มก่อตัวขึ้นก็เกิดรอยแยกจำนวนมากอยู่ภายใน ผลึกทับทิมเช่นเดียวกันดังนั้น การ ขุดหาทับทิมขนาดใหญ่กว่า 3 กะรัตที่มีสีแดงสด และไร้มลทินจึงทำได้ยากจึงเป็นสาเหตุให้ทับทิมเป็นอัญมณีที่มีมูลค่าสูงไม่ เปลี่ยนแปลง

      ความเชื่อเกี่ยวกับทับทิม ความรักความเมตตา ความร่ำรวย เสริมพลังวังชาปกป้องคุ้มครองภัย ให้ความสนุกสนาน ป้องกันฝันร้านทับทิมหรือรูบี้ มีความเข้มข้นสูงและแข็งแรงมาก ความแข็งของทับทิมเกือบจะเท่าเพชรเลยทีเดียว ยิ่งทับทิมที่มีสีแดงเข้มและสดใสมากเท่าไรยิ่งมีราคาแพงมากขึ้นเท่านั้น

-----------------------------------------------------------------

          ไพลิน

   ไพลิน (Blue Sapphire) เป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับทับทิม จึงมีความแข็ง 9 โมส์ (Moh) และมีความวาวแบบเพชรเช่นเดียวกัน แต่ไพลินมีแร่ไททาเนียม และเหล็กปนอยู่ในผลึกจึงทำให้ไพลินมีสีน้ำเงิน ในขณะที่ทับทิมมีแร่โครเมียมปนอยู่จึงทำให้มีสีแดง คำเรียกอัญมณีชนิดนี้ แต่เดิมนั้นคนไทยเรียกว่า นิลกาฬดังที่ปรากฏในคำกลอนนพรัตน์ ที่ว่า " สีหมอกเมฆนิลกาฬ " แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกกันว่า " ไพลิน " เนื่องจาก เมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อนนิลกาฬสีน้ำเงินเข้มสดที่มาจากจังหวัดไพลิน ประเทศเขมรเป็นที่ต้องการ ของตลาดมากเมื่อผู้ขายนำมาขายจึงต้องระบุว่ามาจากจังหวัดไพลิน จนคำว่า " ไพลิน " กลายเป็นคำเรียกแทน " นิลกาฬ " ไปโดยปริยาย ส่วนคำว่า Sapphire นั้น มาจากคำว่า Sapphiros ในภาษากรีก แปลว่า สีน้ำเงิน ทางด้านการบำบัด ไพลิน เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อสัตย์ผู้หญิงจำนวนมากจึงเลือกใช้ ไพลินมาทำเป็นแหวนหมั้นนอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรมอีกด้วยช่วย ทำให้ผู้ที่สวมใส่มีจิตใจ ตั้งมั่นอยู่ในความดี ช่วยควบคุมอารมณ์เพิ่มความเชื่อมั่นและความศรัทธาต่อตัวเอง ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและเช่นเดียวกับอัญมณีทรงคุณค่าชนิดอื่น ๆไพลินก็มีอำนาจช่วยปกป้อง ให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ ด้วย ทางด้านการบำบัดรักษาไพลินช่วยบรรเทาโรคหรืออาการทางสมอง โรคที่เกี่ยวกับประสาทและไขสันหลัง โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และยังเหมาะกับคนที่ผ่านการผ่าตัดสมองมาใหม่ ๆ อีกด้วย ผิวหนังอักเสบได้ ตำนานเกิดไพลิน ในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไพลิน คือดวงตาของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกาย ของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ ชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆส่วนดวงตานั้นได้ตกลงมายังเกาะลังกา แหล่งที่พบเไพลิน บริเวณ ที่ไพลินร่วงหล่นลงมาได้กลายมาเป็นแหล่งไพลินแหล่งใหญ่ในปัจจุบัน คือประเทศศรีลังกา และบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า เขมร ไพลินที่ดีที่สุดพบที่แคว้นแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย ไพลินของแคว้นแคชเมียร์ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค . ศ . 1881 ไพลินของแคว้นนี้มีสีน้ำเงินเข้ม แลดูนุ่มนวล ไม่อมเขียวหรืออมดำ เรียกกัน ว่าสีน้ำเงินกำมะหยี่ (Velvety Blue) ไพลินที่ขึ้นชื่ออีกแหล่งหนึ่ง คือ ไพลินจากซีลอนหรือประเทศศรีลังกาซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับไพลินจากแคว้น แคชเมียร์ สำหรับ ในประเทศไทย พบไพลินมากที่จังหวัดจันทบุรีและกาญจนบุรีไพลินของไทยส่วนใหญ่มีสีน้ำเงิน เข้ม น้ำเงินอมดำ อมเขียว หรืออมฟ้านอกจากนี้ยังพบไพลินที่จังหวัดแพร่ สุโขทัย ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์บ้างประปราย

ความเชื่อเกี่ยวกับไพลิน คนในสมัยโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีชนิดนี้หลากหลาย เช่นชาวยิวเชื่อว่าไพลินเป็นเสมือนสารลับจากพระเจ้าชาวเปอร์เซียคิดว่าโลก ของเราวางอยู่เหนือไพลินขนาดใญ่ ส่วนท้องฟ้า คือภาพสะท้อนสีสันอันงดงามของไพลินเสริมบารมี เสริมดวงชะตา ช่วยในการตัดสินใจ เสริมให้ผู้คนรักใคร่นับถือ ให้พลังดี ๆ ในการค้นพบตัวเองบลู แซฟไฟร์ หรืไพลินนั้น เป็นอัญมณีที่ใก้พลังดี ๆ หากว่าอัญมณีชิ้นนั้นมีพลังอยู่เต็มมีชื่อเสียงเป็นที่นิยมมานานและจัดอยู่ ในอัญมณีประเภทนพเก้าของไทย เป็นอัญมณีอันดับต้น ๆ ที่คนไทยรู้จักกันดีใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


-----------------------------------------------------------------

          แทนซาไนท์

แทนซาไนท์ เป็นพลอยตระกูล zoisite ที่มีสีน้ำเงินแกมม่วง มีแคลเซียม อลูมิเนียม ซิลิเกต เป็นส่วนประกอบ แทนซาไนท์ควรมีความแข็งอยู่ที่ 6-6.5 ตามโมห์สเกล (Mohs scale) แต่ในความเป็นจริง เมื่อทดสอบแล้ว แทนซาไนท์กลับมีความแข็งอยู่ที่ 6.5-7 โมห์สเกล ดังนั้น จึงควรมีระมัดระวังอยู่เสมอในการใส่แทนซาไนท์เป็นเครื่องประดับ และไม่ควรนำไปทำความสะอาดบนอ่างอาบน้ำที่มีระบบ ultrasonic คือ คลื่นเสียงที่มีความถี่สูงเกินที่มนุษย์จะได้ยิน ซึ่งทิศทางของคลื่นนี้นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น เครื่องล้างอุปกรณ์ เป็นต้น และไม่ควรนำไปวางใกล้กับสารเคมีที่เป็นกรด แทนซาไนต์ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นอัญมณีจนกระทั่งเมื่อปี 1967 แต่เดิมรู้จักกันเป็นซอยไซต์สีน้ำเงิน มันได้เปลี่ยนชื่อเป็นแทนซาไนต์โดย Tiffanz ในปี 1969 คุณสมบัติ สีน้ำเงินเข้ม แทนซาไนต์ได้รับความนิยม เนื่องจากมีราคาถูกกว่าแคชเมียร์บลูแซฟไฟร์ แทนซาไนต์เป็นหินไตรโคอิก สีน้ำเงินของแทนซาไนท์ สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ มันค่อยๆ ไล่สีไปจากสีน้ำเงินเข้ม ไปยัง สีม่วงปนฟ้าอ่อน แทนซาไนท์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด คือ สีน้ำเงินล้อมรอบไปด้วยสีม่วงอย่างประณีต มีผลึกมากกว่า 10 กะรัต ตามสถิติโลกแทนซาไนท์ที่มีผลึกมากที่สุดในโลก คือ 737.81กะรัต หนึ่งในจำนวนแทนซาไนท์ที่มีผลึกมาก (242 กะรัต) ถูกขนานนามว่าเป็น Queen of Kilimanjaro สีของแทนซาไนท์ขึ้นอยู่กับมุมที่เรามอง ซึ่งอาจมองเห็นเป็นสีน้ำเงิน ม่วง หรือ สีน้ำตาลปนเหลือง เพราะเพชรพลอยที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียระไน จะมีส่วนประกอบของสีน้ำตาลปนเหลือง ซึ่งสีน้ำตาลปนเหลืองจะหายไปหากได้รับความร้อนที่ใช้เจียระไนที่ประมาณ 600 องศาเซลเซียส ซึ่งช่างที่ทำการเจียระไน ต้องรอบคอบมาก ต้องคอยดูว่าแทนซาไนท์มีสีน้ำเงินแล้วหรือยัง การเจียระไนแทนซาไนท์ จะค่อนข้างสร้างความปวดหัวนิดหน่อย เพราะถ้าทำไม่ระวัง ย่อมเกิดรอยร้าวที่เห็นได้ชัด ซึ่งอัญมณีชนิดนี้เจียระไนได้ทุกแบบตามที่จะจินตนาการ ความแปลก และรัศมีที่ชวนมองของแทนซาไนท์ ทำให้ใครๆก็ติดตาตรึงใจ และนึกถึงความสวยงามที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร จึงไม่แปลกที่จะมีคนมองว่า คนที่เป็นเจ้าของ หรือ ต้องการที่จะครอบครองแทนซาไนท์ มักเป็นคนที่ต้องการให้ตนเองแตกต่างหรือเด่นเหนือคนอื่นๆ อัญมณีชนิดนี้ย่อมทำให้ผู้ใส่รู้สึกมั่นใจในตนเอง สีสวยงามชวนมองของแทนซาไนท์ ไม่เพียงแต่เหมาะกับสาวน้อยที่มีความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังเหมาะสมกับสุภาพสตรีที่มีบุคลิกเฉพาะตัวอีกด้วย ความนิยมแทนซาไนท์เห็นจะเป็นเพราะมันมีแหล่งกำเนิด และหาได้ที่เดียวบนโลก นั่นคือประเทศแทนซาเนีย ความต้องการครอบครองวัตถุหายากนั้นเป็นแรงดึงดูดให้คนที่ต้องการดูโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ล้วนปรารถนาที่จะได้เป็นเจ้าของอัญมณีสีฟ้าเม็ดงาม แทนซาไนท์ ทางด้านการบำบัด แทนซาไนท์ พลังการบำบัด สามารถบำบัดอาการปวดศรีษะ โรคความเสื่อมต่างๆของระบบประสาท เศร้าหมอง เซื่องซึม และโรคใจสั่น และอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง

ของแทนซาไนท์ ไม่เพียงแต่เหมาะกับสาวน้อยที่มีความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังเหมาะสมกับสุภาพสตรีที่มีบุคลิกเฉพาะตัวอีกด้วย ความนิยมแทนซาไนท์เห็นจะเป็นเพราะมันมีแหล่งกำเนิด และหาได้ที่เดียวบนโลก นั่นคือประเทศแทนซาเนีย ความต้องการครอบครองวัตถุหายากนั้นเป็นแรงดึงดูดให้คนที่ต้องการดูโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ล้วนปรารถนาที่จะได้เป็นเจ้าของอัญมณีสีฟ้าเม็ดงาม แทนซาไนท์ ทางด้านการบำบัด แทนซาไนท์ พลังการบำบัด สามารถบำบัดอาการปวดศรีษะ โรคความเสื่อมต่างๆของระบบประสาท เศร้าหมอง เซื่องซึม และโรคใจสั่น และอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง

แหล่งที่พบแทซาไนท์ แทนซาไนท์ เป็นอัญมณีที่มีความสวยงามและมีความน่าสนใจ ในโลกนี้เราจะพบแทนซาไนท์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ ที่แอฟริกาตะวันออก ในประเทศแทนซาเนีย ชื่อแทนซาไนท์ เป็นชื่อที่บริษัท Tiffany and Co. ซึ่งเป็นบริษัทอัญมณีของนิวยอร์คตั้งขึ้น ตามแหล่งที่พบ โดยเริ่มจากมีคนนำมันไปเสนอให้กับทางบริษัท เมื่อบริษัทเห็นเข้าก็มีปฏิกิริยาตื่นตาตื่นใจ ถึงกับยกย่องให้เป็นอัญมณีที่น่ามหัศจรรย์ โดยทางบริษัท ได้มีการตั้งชื่อใหม่อีกชื่อหนึ่งให้กับแทนซาไนท์ เพราะเห็นว่าชื่อเดิม คือ Blue zoisite ออกเสียงคล้ายกับคำว่า suicide ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อยอดขาย จึงตั้งชื่อใหม่เป็น แทนซาไนท์ (Tanzanite) จากนั้นไม่นานชื่อแทนซาไนท์ก็แพร่หลายออกไปในหมู่การค้าเพชรพลอย

-----------------------------------------------------------------

           โกเมน

       
โกเมน เป็นอัญมณีในตระกูล Garnet มีความแข็ง 7 - 7.5 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว คำว่า Garnet มาจากภาษาละตินว่า Granatus แปลว่า เหมือนเมล็ดพืชผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า อัญมณี ชนิดนี้มีสีแดงเพียงสีเดียวตามคำกลอนนพรัตน์ "แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก " แต่จริง ๆ แล้ว แต่อัญมณีชนิดนี้มีสีมากถึง 15 สียกเว้นสีน้ำเงิน ส่วนสีแดงเป็นสีของโกเมนที่มีมากที่สุด ประเภท ที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับ คือ อัลมานไดน์ (Almandine) มีสีแดงเข้มสีแดงอมน้ำตาล หรืออมม่วง และไพโรบ (Pyrope) มีสีแดงสดซึ่งสอดคล้องกับรากศัพท์ภาษากรีกโบราณที่แปลว่า ไฟ ด้วยความที่เป็นอัญมณีสีแดงที่เกิดจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบและบางครั้งก็ มีสีสันสวยงามมากจึงทำให้บางคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นทับทิม แต่โกเมนต่างกับทับทิม คือโกเมนส่วนใหญ่ มีสีแดงอมน้ำตาล แต่ทับทิมมีสีแดงสดใสและโกเมนมีความแข็งน้อยกว่าทับทิม โกเมน เป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ กล่าวกันว่า โนอาห์ (Noah) ผู้พาสิ่งมีชีวิตหนีน้ำท่วมโลก ใช้โกเมนประดับเรือเรืออาร์ค (Ark) เพื่อให้แสงสว่างในการเดินทางในตอนกลางคืน ชาวอียิปต์ ชาวกรีกและชาวโรมันก็ใช้โกเมนมาทำเป็นเครื่องประดับ ในสมัยวิคตอเรียอัญมณีสีแดงชนิดนี้เป็นที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับด้วยเช่น กัน เครื่องรางป้องกันภัย นักเดินทางในสมัยโบราณมักจะพกโกเมนติดตัวไว้เพราะเชื่อกันว่าสามารถปกป้องคุ้ม ครองให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ และช่วยส่องแสงในตอนกลางคืนด้วย แต่ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเกิดจากการหักเหของแสง โกเมนยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความศรัทธาอีกด้วยบ้างก็เชื่อกันว่าทำให้ผู้สวมใส่อายุยืน ทางด้านการบำบัด โกเมน เป็นอัญมณีสีแดงจึงมีพลังช่วยรักษาสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิตช่วยกระตุ้น ผู้ที่มีความเฉื่อยชาทางเพศ นอกจากนี้โกเมนยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นความรู้สึก และ อารมณ์ ดังนั้นหากนำไปให้ผู้ที่มีปัญหาซึมเศร้าสวมใส่โกเมนจะช่วยกระตุ้นให้มีความ เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นเพิ่มความเข้มแข็งให้กับผู้ใส่ ไพโรป โกเมน (Pyrope Garnet) พลังของโกเมนชะช่วยปลอบประโลมจิตของเราให้อ่อนโยนลง เข้าใจและเห็นใจคนอื่นมากขึ้น รวมถึงประสานความเข้าใจระหว่างบุคคลที่เรากำลังมีปัญหาอยู่ ช่วยกระตุ้นและดึงดูดให้ผู้คนรอบข้างหันมาเอาใจใส่กันและกันมากขึ้น จึงเหมาะที่จะใช้ในด้านกระชับและประสานความสันพันธ์ที่มีรอยร้าวทั้งหลาย กระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดง เสริมพลังรัก และช่วยกระตุ้นพลังเพศในคนที่มีอาการเฉื่อยชาทางเพศ ตำนานเกิดโกเมน ตาม คัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่าอัญมณีสีแดงชนิดนี้เกิดจากเล็บเท้าของอสูรชื่อวลา ซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอัน เนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจ เหนือ พระอินทร์คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่นๆชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลก มนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆ ส่วนเล็บเท้าของอสูรวลาที่หล่นลงมาบนโลกมนุษย์นั้นได้รับการ บูชาจากพญานาคแล้วปล่อยลงบริเวณเทือกเขาหิมาลัย แหล่งที่พบโกเมน จาก ตำนานการเกิดโกเมนส่วนเล็บเท้าของมารวลาบนเทือกเขาหิมาลัยได้กลายเป็นแหล่ง ที่พบโกเมนมากในปัจจุบันนั่นคือ ศรีลังกา อินเดีย นอกจากนี้ยังพบโกเมนที่ออสเตรเลีย แอฟริกาสาธารณรัฐเชคด้วย ส่วนในประเทศไทยพบโกเมนคุณภาพดีที่จันทบุรี ตราดและยังพบที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงราย ตาก กำแพงเพชรบ้าง

ความเชื่อเกี่ยวกับโกเมน ปกป้องคุ้มครอง ช่วยให้สมปรารถนา กระตุ้นพลังทางเพศ เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย แก้ไขปัญหาด้านความรักความสัมพันธ์ ช่วยในการโน้มนำจิตใจเข้าสู่ธรรมะหรือช่วยให้เราเชื่อถือและศรัทธาในพระเจ้า ช่วยให้อายุยืน มีโชคลาภดี โกเมนเป็นอัญมณีที่มีหลากสี อยู่ในตระกูลการ์เน็ต ซึ่งมาจากภาษาละตินว่า กราตานุส และภาษาสันสกฤต ว่า โกเมธ ซึ่งแปลว่า “ เหมือนเมล็ดพันธุ์พืช" สีของโกเมธที่เป็นที่นิยมคือสีแดงก่ำ ถ้ามีสีชมพูอมม่วงนำมาทำเป็นอัญมณีจะเรียกว่า โรโดไลต์

-----------------------------------------------------------------

           อะเมทิสต์


อะเมทิสต์ เป็นอัญมณีวาไรตี้สีอมม่วงในตระกูลควอตซ์ โดยทั่วไปอัญมณีจะโปร่งใสและพบเห็นสีม่วงสว่าง ถึงสีม่วงมืดได้ มีความแข็งเท่ากับ 7 ตามสเกวความแข็งของโมห์ เป็นหินที่คงทนเหมาะการสวมใส่ประจำวัน ราคาอาจจะไม่แพงมาก อะเมทิสต์ เวลาส่วมใส่แล้วทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองมีความวาวแบบแก้ว สีของมันมีตั้งแต่สีม่วงอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้มสำหรับอะเมทิสต์สีอ่อน เรียกว่า Rose de France ส่วนสีเข้ม เรียกว่า ม่วงดอกตะแบก อะเมทิสต์เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีที่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะอัญมณีศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสักการะชาว อียิปต์โบราณนับถืออะเมธิสมากมีการฝังอะเมทิสต์ทรงหัวใจไว้ในสุสาน ของฟาโรห์จำนวนมากตามคำสอนในคัมภีร์แห่งความตาย (The Book of the Dead) ส่วนทางด้านศิลปะชาวอียิปต์ได้สลักรูปแมลงจากอัญมณีสีม่วงนี้ ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้กล่าวถึงอะเมธีสต์ ว่าเป็น 1 ในอัญมณี 12 ชนิดที่ประดับลงบนจีวรของพระชั้นผู้ใหญ่ ดังนั้น ต่อมาอะเมธิสต์จึงกลายเป็นอัญมณีที่ใช้แสดงฐานะพระชั้นผู้ใหญ่ของคริสตจักร สังเกตได้จากแหวนของพระสันตปาปาและแหวนของพระที่มีบรรดาศักดิ์สูงแหวนของพระ เหล่านี้ประดับด้วยอะมีทิสต์ทั้งสิ้นส่วนบนเสื้อพิธีของบาทหลวงก็ประดับอะเมทิสต์ลงไป จนปัจจุบัน นี้อะเมทิสต์กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบาทหลวง นอกจากนี้โบสถ์ในยุคกลางก็ประดับประดาไปด้วยอะเมทิสต์เช่นกัน (และเพราะเชื่อกันว่าสีม่วงเป็นสีแห่งความศรัทธาในศาสนา)

ด้านการบำบัด อะเมทิสต์มีส่วนช่วยในการฟอกเลือด หรือสร้างเม็ดเลือดได้ ในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือกต่าง ๆ จึงควรสวมใส่เครื่องประดับที่ทำด้วยหินชนิดนี้ ในสมัยโบราณเชื่อกันว่าหากมีผู้ป่วยกระทันหันเกิดขึ้นในบ้าน ให้นำอะเมทิสต์ที่ล้างสะอาดมาแช่ในน้ำครู่หนึ่งแล้วกำหนดลงหายใจเหมือนการทำ น้ำมนต์ด้วยพลังความเชื่อศรัทธาที่มีต่อหิน บวกกับคุณสมบัติด้านการบำบัดที่สูงของอะเมทิสต์ จะช่วยให้น้ำนั้นมีพลังในการ รักษา เรียกว่า น้ำประจุพลัง นำน้ำนั้นมาดื่มจะช่วยให้อาการป่วยทุเลาลง นอกจากนี้หินยังช่วยขจัดความเครียด รักษาโรคนอนไม่หลับ หรือปลอบปลุกในคนที่ฝันร้าย ในยามโกรธหากกำหินชนิดนี้ไว้ในมือ จะสามารถสยบอารมณ์โกรธหรือสยบอารมณ์ร้าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถควบคุมอารมณ์ในคนเมา ให้คนเมาดื่มน้ำแช่หินชนิดนี้จะช่วยให้สร่างเมาเร็วขึ้น และไม่ค่อยมีอาการเมาค้าง

ความเชื่อเกี่ยวกับอะเมทิสต์ อะเมทิสต์ มีคุณสมบัติช่วยคุ้มครองให้พ้นจากภยันตรายเช่นเดียวกับโกเมนในสมัยก่อน บรรดาทหารจึงนิยมสวมใส่อัญมณีสีม่วงนี้เพื่อช่วยให้มีชัยเหนือศัตรู ทางด้านการบำบัด อะเมทิสต์เป็นอัญมณีสีม่วงซึ่งเป็นสีแห่งจิตวิญญาณจึงมีพลังช่วยกระตุ้น ประสาทสัมผัสช่วยขจัดความคิดที่ชั่วร้ายและชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ก่อให้ เกิดสมาธิและการเรียนรู้ สำหรับ ผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับหากวางอัญมณีชนิดนี้ไว้ใต้หมอนจะช่วยให้หลับง่าย ขึ้นหรือหากวางไว้บนหน้าผากจะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะด้วยอะเมทิสต์ยังมีพลัง ช่วยในการฟอกเลือด หรือสร้างเม็ดเลือดได้ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด

"Amethyst" มาจากคำว่า "Amethystos" ในภาษากรีก แปลว่า การมีสติ ไม่มึนเมาจึงเชื่อกันว่าอะเมทิสต์ มีคุณสมบัติทำให้ไม่เมาอีกด้วยชาวโรมัน เชื่อว่าหากดื่มเหล้าจากจอกอะเมทิสต์หรือแช่อัญมณีชนิดนี้ไว้ในเหล้าจะช่วยให้ไม่ให้เมา ในปัจจุบันถ้วยไวน์ในบางแห่งจึงยังคงแกะสลักจากอะเมทิสต์

ทาง ด้านความรัก คนโบราณเชื่อกันว่าถ้านำอะเมทิสต์รูปหัวใจประดับบนเรือนทองคำหรือเงิน และบ่าวสาวมอบให้แก่กันและกันทั้งคู่จะมีชีวิตรักที่มีความสุขตลอดไป


-----------------------------------------------------------------

          อะความารีน

อะความารีน (Aquamarine) อัญมณีสีฟ้าใสนี้อยู่ในตระกูลเบริล (Beryl) ตระกูลเดียวกันกับมรกตจึงมีความแข็ง 7.5 โมส์ และมีความวาวแบบแก้วเช่นเดียวกัน คำว่า "Aquamarine" นั้นมาจาก ภาษา ละติน แปลว่าน้ำทะเลซึ่งเป็นสีของอัญมณีชนิดนี้นั่นเองสีของอะควอมารีนซึ่งเกิดจาก ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบมีตั้งแต่สีฟ้าอมเขียวไปจนถึงสีเขียวอมฟ้า แต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือสีฟ้าที่ไม่มีสีเขียวปนอยู่เลยหรือสีน้ำทะเลซึ่งเป็นสีที่หายากจึงมีการ ปรับปรุงคุณภาพของอะความารีน โดยการเผาเพื่อขจัดสีเขียวออกไปจึงอาจกล่าวได้ว่าอะความารีน ในปัจจุบันนี้ล้วนผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยวิธีนี้มาแล้วทั้งสิ้น สีฟ้าใสที่เย็นตาของอะความารีน จึงเป็นอัญมณีที่ดึงดูดใจหญิงสาวทั่วโลกนอกจากนี้ยังเป็นอัญมณีที่บรรดานัก ออกแบบชื่นชอบและเลือกนำไปทำเป็นเครื่องประดับต่างๆ มากมาย เครื่องราง นำโชคของนักเดินเรือจากนิทานเก่าแก่ของอิตาลี ได้กล่าวไว้ว่า เทพเนปจูนเทพแห่งมหาสมุทรได้มอบอะความารีน ให้เป็นของกำนัลแก่นางเงือกเสมอนักเดินเรือในสมัยโบราณเชื่อว่า อะความารีน เป็นหินนำโชคสามารถคุ้มครองพวกเขาจากภยันตรายต่าง ๆ จากทะเลได้ และยังช่วยไม่ให้เมาคลื่นด้วยพอถึงยุคกลางของยุโรป เชื่อกันว่าอความารีนจะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเอาชนะความชั่วร้ายที่เข้ามารังควานได้ อะความารีนเป็นอัญมณี สีฟ้าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ มองดูเยือกเย็นมีพลังในการขจัดความสับสนวุ่นวายภายในจิตใจได้ ดังนั้นหากสวมใส่อะความารีน ไว้ก็จะช่วยคลายความวิตกกังวล หรือความคิดด้านลบออก ไปได้นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจกัน ความเข้าใจกันทำให้สัมพันธภาพยั่งยืนนานหากคู่รักเลือกใส่อะความารีน ก็จะช่วยให้ชีวิตแต่งงานมีความสุขทางด้านการบำบัดรักษาอะความารีนมีพลังช่วย บรรเทาการเจ็บป่วยที่เกิดจากความร้อนได้ด้วย เช่น ไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือลดไข้ ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบประสาทและลำคอ ทางด้านการบำบัด อะความารีนจะมีพลังแห่งความสงบเยือกเย็นส่งมาปลอบประโลมจิตใจผู้คน ทั้งคนที่พลัดบ้านจากถิ่นไปอยู่ไกล หรือคนที่มีจิตใจเร่าร้อนทุรนทุรายก็จะสามารถช่วยบรรเทาให้คลายลงได้ จึงเป็นหินที่ช่วยในเรื่องยับยั้งอารมณ์ ยับยั้งเหตุร้ายอันเกิดจากอารมณ์ของคนได้ดีอีกด้วย แหล่งที่พบอะความารีน แหล่ง ที่พบอะความารีน มากที่สุด คือ บราซิล รองลงมาคือ ประเทศในแถบแอฟริกา เช่นไนจีเรีย โมซัมบิก มาดากัสการ์ และยังพบได้ที่ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน การดูแลรักษาอะความารีน การ ดูแลรักษาอะความารีน นั้น ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้น้ำสบู่อุ่น ๆล้างแล้วใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด ปล่อยให้แห้งระวังผงฝุ่นหรืออัญมณีชนิดอื่นที่มีความแข็งมากกว่า เพราะอาจทำให้เป็นรอยขูดขีดได้และหลีกเลี่ยงจากความร้อนสูงเพราะอาจทำให้มลทินภายในอะความารีนขยายตัวและอาจทำให้แตกได้

ความเชื่อเกี่ยวกับอะความารีน ปกป้องคุ้มครอง การสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความสงบ ความกล้าหาญ ช่วยบรรเทาอาการเมาคลื่นในยามเดินทางทางทะเล และช่วยดูดพิษไอแดดที่แผดเผา เสริมความงามให้ผิวพรรณ นำพาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับทะเลมาให้เป็นหินที่มีคุณสมบัติทางด้านความ เชื่อมาแต่โบราณ ชาวเรือ ชาวทะเลจะถือว่าหินชนิดนี้เป็นอัญมณีที่นำโชคมาสู่พวกเขา เรียกขานกันว่า Sea Goddess หรือเทพีแห่งท้องทะเล อความารีนเป็นหินที่มีสีฟ้าซีด ๆ อมเขียว มีลักษณะสีที่นุ่มนวลอ่อนโยน มีแสงเรือง ๆ ยามสะท้อนกับแสงแดด ทำหน้าที่เหมือนผู้พิทักษ์หรือผู้เฝ้าสังเกตการณ์ที่หยั่งรู้ในทุก ๆ สิ่ง สามารถเป็นเพื่อนหรือเป็นผู้นำความผ่อนคลายในจิตใจมาให้ เป็นหินที่รับพลังรังสีคอสมิกได้ดี สื่อสารกับพลังที่มีอยู่ในช่วงว่างของจักรวาลได้ลึกล้ำ ทำให้มีพลังมหัศจรรย์ในด้านที่สัมผัสไม่ได้ต่าง ๆ ค่อนข้างสูง ช่วยยกระดับจิตใจของคนเราให้สูงขึ้น เหมาะที่จะใช้ในการฝึกสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐานหรือคนที่ทำงานกับการใช้พลังสื่อสารกับคนอื่นเยอะ ๆ เช่น หมอดู


-----------------------------------------------------------------

           โทพาซ

โทพาซ (Topaz) เป็นอัญมณีที่มีความแข็ง 8 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วจัดว่าเป็นอัญมณีที่มีความแข็งพอสมควร เหมาะที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะทนต่อรอยขีดข่วน คำว่า "Topaz" มาจากคำว่า Topas แปลว่า ไฟ ประกายหรืออาจจะมาจากคำว่า Topazion ซึ่งเป็นชื่อเกาะในทะเลแดงซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ขุดพบพลอยชนิดนี้ โทพาซ ที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ โทพาซ Braganza ซึ่งประดับอยู่ที่มงกุฎของกษัตริย์แห่งโปรตุเกส โทแพซ ไม่ได้มีเพียงสีเหลืองสีเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสีสันอื่น ๆ อีก เช่น สีน้ำตาลสีส้ม สีลูกเชอร์รี่ สี แดง สีชมพู นอกจากนั้น ยังมีโทพาซสีฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งสีแต่โทแพสสีนี้เกิดจากการฉายรังสีโทพาซ สีขาวให้เกิดสีฟ้าขึ้น ชาวอียิปต์เชื่อว่าสีของโทพาซ เกิดจากแสงสีทองของเทพราซึ่งเป็น เทพแห่งดวงอาทิตย์ทาบทาลงไปโทแพซ จึงเป็นเครื่องรางที่มีพลังขจัดสิ่งชั่วร้ายได้และความลุ่มหลงต่าง ๆ ได้ชาวโรมันก็เชื่อว่าโทแพซ มีความเกี่ยวข้องกับเทพจูปิเตอร์ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เช่นกัน ทางด้านการบำบัด โทพาซ เป็นหินที่กระตุ้นต่อมการทำงาน ทำให้รู้สึกกระปรี่กระเปร่า มีไฟในการทำงาน เหมาะสำหรับคนที่เบื่อหน่ายในการงาน ไม่พอใจในงานหรือสิ่งที่กระทำอยู่ ด้านการบำบัด โทปาซใช้บำบัดได้ดีกับผู้ที่มีอาการติดเชื้อต่างๆ ภูมิแพ้ หรือโรคที่มีอาการเรื้อรัง แหล่งที่พบโทพาซ โทพาซ พบมากที่ประเทศบราซิล ศรีลังกา ไนจีเรีย รัสเซีย มาดากัสการ์ พม่า ซีลอนไทย

ความเชื่อเกี่ยวกับโทพาซ โทพาซ เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ สิริมงคลของการสวมใส่อัญมณีชนิดนี้ คือ มีเสน่ห์เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็น ชีวิตรุ่งเรือง โทพาซ ยังมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคหวัดวัณโรค หอบหืด และช่วยให้ ปอดทำงานดีขึ้นหากวางไว้ใต้หมอนขณะนอนหลับจะช่วยให้ร่างกายมีพลังในการทำงาน ยังเชื่อกันอีกว่าอัญมณีสีทองนี้จะเปลี่ยนสีหากอาหารหรือเครื่องดื่มมียาพิษ


-----------------------------------------------------------------

            เพอริดอท

เพอริดอท เป็นอัญมณีแปลกประหลาดที่นอกจากจะพบได้ตามชั้นหินอัคนีในโลกแล้วยังพบได้จากลูกอุกกาบาตนอกโลกที่ตกลงมาบนโลกของเราด้วยคำว่า เพอริดอท (Peridot) เป็นภาษาฝรั่งเศส เป็นอัญมณีในตระกูลโอลิวีน (Olivine) ซึ่งแปลว่า สีเขียวมะกอก มีความแข็ง 6.5 - 7 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วสีของเพอริดอทมีทั้งสีเขียวอมเหลือง สีเขียวใส สีเขียวอมเทา สีเขียวอมน้ำตาลแต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สีเขียวใสบริสุทธิ์ ในสมัยอียิปต์โบราณ มีการทำเหมืองเพอริดอทบนเกาะ Zeberget แต่ต้องทำกันในเวลากลาง คืนเท่านั้นเพราะในเวลากลางวันจะมองไม่เห็นแร่ชนิดนี้ส่วนชาวโรมันเรียกเพ อริโดว่า Evening Emerald เพราะเมื่อใช้ตะเกียงส่องหาแร่ชนิดนี้ในเวลากลางคืนก็ยังคงมองเห็น

ต่อมาในยุคกลางมีการนำเพอริดอทไปประดับตามโบสถ์สันนิษฐานว่าชาวยุโรปที่ไปร่วมรบในสงครามครูเสดเป็นผู้ที่นำเพอริดอทเหล่านี้กลับมา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนมากมายเชื่อกันว่าเพอริดอทมีพลังสามารถขับไล่วิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ และช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่ด้วยนักรบสมัยโบราณจึงมักจะพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้เพอริดอท มีพลังที่ทำให้จิตใจของผู้สวมใส่เข้มแข็ง กล้าหาญและหากนำเพอริดอทไปประดับกับทองจะยิ่งทำให้เพอริดอทมีพลังมากขึ้น

ทางด้านการบำบัด เพอริดอท ระบบทางเดินอาหาร เช่นช่วยในการดูดซึมอาหาร ช่วยการทำงานของม้าม ถุงน้ำดี ตับ ตับอ่อนและรักษาโรคหอบหืดได้เพอริดอท

ตำนานเกิดเพอริดอท เพอริดอทเป็นภาษาฝรั่งเศสและได้มาจากภาษาอาราบิคว่า “faridat" หมายถึงอัญมณี สมัยโบราณคนอียิปต์เรียกเพอริดอทว่า “พระอาทิตย์ของอัญมณี

แหล่งที่พบเพอริดอท พบมากที่เมืองโมกก ประเทศพม่า เกาะเซนต์จอห์นในทะเลแดงรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ศรีลังกาและล่าสุดมีการขุดพบเพอริดอทคุณภาพดีที่ปากีสถาน

ความเชื่อเกี่ยวกับเพอริดอท ทางด้านความรัก จากพลังของเพอริดอทที่นำมาซึ่งอารมณ์และจิตใจที่มั่นคงจึงทำให้คู่แต่งงานที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้มีความสุขในชีวิตแต่งงานทางด้านการบำบัดรักษา

-----------------------------------------------------------------

          โอปอล

โอปอล (Opal) เป็นอัญมณีในตระกูลควอร์ตซ์ (Quatrz) เช่นเดียวกับแอเมทิสต์ซึ่งเป็นอัญมณีประจำราศีกุมภ์ มีความแข็ง 5 - 6 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วและยางสน มีหลายสีด้วยกัน เช่น สี ขาว แดง เหลือง เขียว ม่วง ดำแต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ โอปอลไฟ

โอปอลเป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานหลายพันปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตกนักโบราณคดีชื่อ Louis Leaky ขุดพบเครื่องประดับโอปอลที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีอายุถึง 6,000 ปี ใน ถ้ำที่ประเทศเคนยา มงกุฎของกษัตริย์แห่งอาณาจักร Holy Roman ประดับด้วยโอปอลชื่อ Orphanus มงกุฎของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสก็ประดับด้วยโอปอล

ทางด้านการบำบัด โอปอล นั้นเป็นหินที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงจันทร์ คือ โอปอลน้ำนมกับโอปอลสีเขียวน้ำทะเล ซึ่งมีเหลือบแสงสวยงามอยู่ในตัว บางเวลาก็มีสีชมพู และบางเวลาก็มีแสงเขียวเหลือบเหลือง เชื่อกันว่าโอปอลชนิดนี้จะเป็นหินที่มีคุณสมบัติพิเศษในการดึงดูดเสน่ห์ เพิ่มความสวยงาม และนำพาความรักใคร่เสน่หามาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ควรสวมใส่เป็นแหวนหรือต่างหู หรือถ้าใช้คู่กันได้เลยยิ่งดี จะเพิ่มความรักใคร่ชื่นชมให้กับผู้พบเห็น

แหล่งที่พบโอปอล 
โอปอลพบมากที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย แหล่งอื่น ๆ ที่พบ เช่นประเทศฮังการีซึ่งเคยเป็นเหมืองโอปอลในอดีต ประเทศเม็กซิโก ฮอนดูรัส เนวาดา ส่วนในประเทศไทยพบที่จังหวัดลพบุรี ลำปาง โคราช

ความเชื่อเกี่ยวกับโอปอล
 ปกป้องคุ้มครอง เสริมสิริมงคล นำพาความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ช่วยให้ชีวิตเกิดความสงบ สามารถสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องสูง เสริมพลังความคิดสร้างสรรค์ และเสริมเสน่ห์ความสวยงามให้ผู้หญิงที่สวมใส่โอปอลมีหลายสีทั้งสีขาวน้ำนม สีเขียวน้ำทะเล สีแดง สีดำ โอปอลเป็นหินที่มีความพิเศษอยู่ในตัว มีความงามตามธรรมชาติที่ใครเห็นก็อดรักอดชอบไม่ได้ มีแสงเหลือบในตัวเองที่เรียกว่าแสงโอปอลเลสเซนส์ ซึ่งเป็นแสงเหลือบชนิดเดียวกับที่เห็นในหินมูนสโตนและอื่น ๆ อีกบางชนิด

ข้อควรระวัง โอปอลเป็นหินที่เปราะ แตกหักง่าย ไม่ควรเก็บรวมเอาไว้กับหินชนิดอื่นแต่หากสวมใส่ติดตัวตลอดเวลาแล้วเกิดหิน เปราะแตกหักไป ก็ไม่จำเป็นต้องตกใจ ยังสวมใส่ได้อยู่แต่ต้องตั้งโปรแกรมความปรารถนาและกล่าวขอบคุณหินก้อนนั้น บ่อย ๆ เพื่อเป็นการสื่อสารระหว่างกันและกัน แต่ถ้าเกิดเปราะแตกโดยไม่สมควร ก็ควรต้องหยุดคิดบ้างว่าเขาจะเตือนอะไรเราหรือเปล่า